จำนวนผู้เข้าชม
สอบถามโทร 092-4140691 คุณท๊อป
092-4140651 คุณเจี๊ยบ
LINE ,ID : Topfy Fuco
Fanpage : www.facebook.com/topfy99shop
092-4140651 คุณเจี๊ยบ
LINE ,ID : Topfy Fuco
Fanpage : www.facebook.com/topfy99shop
Hyli อกฟู รูฟิต ช่วยเรื่อง.....
สาเหตุของการมีบุตรยาก
สาเหตุของฝ่ายหญิง
ภาวะมีบุตรยาก หมายถึง ภาวะที่คู่สมรสอยู่ด้วยกัน มีเพศสัมพันธ์อย่างสม่ำเสมอและไม่ได้คุมกำเนิดเป็นเวลาอย่างน้อย 1 ปี แต่ไม่มีการตั้งครรภ์เกิดขึ้น แต่ในปัจจุบัน เนื่องจากคู่สมรสแต่งงานเมื่ออายุมากขึ้นเราจึงกำหนอดเป็นช่วงอายุที่ควรปรึกษาแพทย์
การอยู่ไฟ คือวิธีดูแลแม่หลังคลอดที่มีมานาน ปัจจุบันนี้มีคุณแม่จำนวนไม่น้อยที่อยู่ไฟเพื่อสุขภาพ แต่จะมีประโยชน์อย่างไร อยู่นานแค่ไหน มีวิธีอย่างไร เราหาคำตอบมาให้คุณแล้วค่ะ
ทำไมต้องอยู่ไฟ
ปัจจุบันการอยู่ไฟค่อนข้างมีความแตกต่างไปจากสมัยก่อน โดยเฉพาะในเรื่องของกระบวนการ แต่สิ่งหนึ่งที่ยังคงเหมือนเดิม ก็คือแนวคิดและวัตถุประสงค์ในการอยู่ไฟค่ะ นั่นก็คือเพื่อดูแลสุขภาพของแม่หลังคลอด ทั้งการรักษา ป้องกัน ฟื้นฟู และส่งเสริมสุขภาพ แถมยังได้ประโยชน์ในเรื่องความงามอีกด้วย
เพราะช่วงตั้งครรภ์ทุกส่วนในร่างกายของคุณแม่จะขยาย การอยู่ไฟจะช่วยให้ส่วนต่างๆ กลับเข้าสู่สภาพปกติ เช่น ช่วยให้มดลูกเข้าอู่ ช่วยขับของเสียที่คั่งค้างภายในร่างกายหลังคลอด ช่วยรักษาแผลฝีเย็บ ป้องกันการติดเชื้อ และยังช่วยปรับระดับความร้อน ความเย็นภายในร่างกายให้อยู่ในสภาวะสมดุล ซึ่งในระยะยาวจะช่วยในเรื่องของอาการหนาวสะท้ายโดยมิทราบสาเหตุ
สาเหตุของฝ่ายหญิง
- มีความผิดปกติของท่อนำไข่ เช่น ท่อนำไข่อุดตัน ซึ่งอาจเกิดจากการอักเสบติดเชื้อ
- มีพังผืดบริเวณท่อนำไข่และปีกมดลูก
- มีภาวะเยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่ (endometriosis)
- ภาวะไม่มีการตกไข่ ซึ่งอาจเกิดจากความผิดปกติของรังไข่หรือระดับฮอร์โมนจาก ต่อมใต้สมองและต่อมไร้ท่ออื่นๆ
- มีความผิดปกติที่ตัวมดลูก เช่น มีก้อนเนื้อ หรือ เนื้องอก (myoma uteri) ในบริเวณที่มีผลต่อการตั้งครรภ์
- มีปริมาณมูกที่ปากมดลูกมากเกินไป ทำให้ตัวอสุจิเข้าไปในช่องคลอดได้ลำบาก
- มีความผิดปกติของต่อมไร้ท่ออื่นๆ เช่น ต่อมใต้สมอง ต่อมไทรอยด์ ต่อมหมวกไตเป็นต้น
- มีปัญหาด้านจิตใจ ความเครียด โรคประจำตัว วิตกกังวล
ภาวะมีบุตรยาก หมายถึง ภาวะที่คู่สมรสอยู่ด้วยกัน มีเพศสัมพันธ์อย่างสม่ำเสมอและไม่ได้คุมกำเนิดเป็นเวลาอย่างน้อย 1 ปี แต่ไม่มีการตั้งครรภ์เกิดขึ้น แต่ในปัจจุบัน เนื่องจากคู่สมรสแต่งงานเมื่ออายุมากขึ้นเราจึงกำหนอดเป็นช่วงอายุที่ควรปรึกษาแพทย์
- อายุน้อยกว่า 35 ปี ไม่ตั้งครรภ์ใน 1 ปี
- อายุ 35-40 ปี ไม่ตั้งครรภ์ใน 6 เดือน
- อายุมากกว่า 40 ปี ไม่ตั้งครรภ์ใน 3 เดือน
การอยู่ไฟ คือวิธีดูแลแม่หลังคลอดที่มีมานาน ปัจจุบันนี้มีคุณแม่จำนวนไม่น้อยที่อยู่ไฟเพื่อสุขภาพ แต่จะมีประโยชน์อย่างไร อยู่นานแค่ไหน มีวิธีอย่างไร เราหาคำตอบมาให้คุณแล้วค่ะ
ทำไมต้องอยู่ไฟ
ปัจจุบันการอยู่ไฟค่อนข้างมีความแตกต่างไปจากสมัยก่อน โดยเฉพาะในเรื่องของกระบวนการ แต่สิ่งหนึ่งที่ยังคงเหมือนเดิม ก็คือแนวคิดและวัตถุประสงค์ในการอยู่ไฟค่ะ นั่นก็คือเพื่อดูแลสุขภาพของแม่หลังคลอด ทั้งการรักษา ป้องกัน ฟื้นฟู และส่งเสริมสุขภาพ แถมยังได้ประโยชน์ในเรื่องความงามอีกด้วย
เพราะช่วงตั้งครรภ์ทุกส่วนในร่างกายของคุณแม่จะขยาย การอยู่ไฟจะช่วยให้ส่วนต่างๆ กลับเข้าสู่สภาพปกติ เช่น ช่วยให้มดลูกเข้าอู่ ช่วยขับของเสียที่คั่งค้างภายในร่างกายหลังคลอด ช่วยรักษาแผลฝีเย็บ ป้องกันการติดเชื้อ และยังช่วยปรับระดับความร้อน ความเย็นภายในร่างกายให้อยู่ในสภาวะสมดุล ซึ่งในระยะยาวจะช่วยในเรื่องของอาการหนาวสะท้ายโดยมิทราบสาเหตุ
สอบถามโทร 092-4140691 คุณท๊อป
|
"ช็อกโกแลตซีสต์ " โรคที่สาวๆ ทุกคนมีสิทธิ์เป็น
ได้ยินชื่อมานานแล้ว "ช็อกโกแลตซีสต์" ฟังเผิน ๆ ก็เป็นชื่อโรคที่ดูไม่น่าจะมีพิษสงอะไร แต่ถ้าใครเป็นแล้วล่ะก็ คงรู้จักความร้ายกาจของมันเป็นอย่างดี เพราะแม้จะไม่ใช่โรคที่ทำอันตรายถึงแก่ชีวิต แต่ก็สร้างความทรมานให้สาว ๆ ที่เป็นโรคนี้ไม่น้อย ชักอยากรู้แล้วสิว่า "ช็อกโกแลตซีสต์" เกิดขึ้นได้อย่างไร แล้วเราอยู่ในกลุ่มเสี่ยงหรือเปล่า มาอ่านกันเลย
ช็อกโกแลตซีสต์ เกิดได้อย่างไร
ช็อกโกแลตซีสต์ (Chocolate Cyst) หรือ ถุงน้ำช็อกโกแลต ในทางการแพทย์เรียกว่า "เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญเติบโตผิดที่" (Endometriosis) เกิดจากเลือดประจำเดือนที่ปกติต้องไหลออกมาทางช่องคลอด แต่กลับไหลย้อนกลับเข้าไปในช่องท้องผ่านท่อรังไข่ และนำเซลล์ของเยื่อบุโพรงมดลูกเข้าไปด้วย เมื่อเซลล์นี้ไปฝังตัวอยู่ที่อวัยวะไหนก็จะเกิดถุงน้ำขึ้นที่อวัยวะนั้น เช่น อุ้งเชิงกราน ท่อรังไข่ ลำไส้ ช่องคลอด มดลูก ฯลฯ
บริเวณที่พบช็อกโกแล็ตซีสต์ได้บ่อยคือรังไข่ เนื่องจากบริเวณรังไข่เป็นบริเวณที่มีฮอร์โมนเอสโตรเจนสูง จึงเหมาะแก่การเจริญเติบโต แต่ถ้าเยื่อบุโพรงมดลูกแทรกเข้าไปในกล้ามเนื้อมดลูกจะไม่กลายเป็นซีสต์ ทว่าจะกลายเป็นพังผืดหรือก้อนในกล้ามเนื้อมดลูกแทน เพราะกล้ามเนื้อมดลูกค่อนข้างแข็ง และเราเรียกภาวะนี้ว่า "Adenomyosis" ซึ่งผลที่ตามมาคือภาวะปวดท้องประจำเดือนอย่างรุนแรง ประจำเดือนมามาก และมีบุตรยาก
ทั้งนี้ เมื่อเวลาที่ผู้หญิงมีประจำเดือน เยื่อบุโพรงมดลูกจะลอกตัวออกมา ถุงน้ำที่ฝังตัวอยู่ก็จะมีเลือดออกด้วย แต่เมื่อเลือดประจำเดือนออกหมดแล้วในเดือนนั้น ร่างกายก็จะดูดน้ำจากถุงกลับมา ทำให้เลือดในถุงเข้มข้นขึ้น หากเลือดค้างอยู่ในถุงน้ำนาน ๆ จะกลายเป็นสีน้ำตาล มีลักษณะเหมือนช็อกโกแลต จึงเรียกว่า "ถุงน้ำช็อกโกแลต" หรือ "ช็อกโกแลตซีสต์" นั่นเอง
นั่นหมายความว่า แต่ละเดือนที่ผ่านไป ถุงน้ำก็จะยิ่งมีเลือดออกเพิ่มขึ้น และขยายใหญ่ขึ้น แต่จะใหญ่เร็วมากน้อยแค่ไหนนั้น ก็ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของคนคนนั้นว่า จะดูดน้ำกลับได้เร็วเท่าไหร่ ถ้าร่างกายดูดน้ำกลับได้เร็ว ถุงน้ำนั้นก็จะโตขึ้นแบบช้า ๆ
ส่องอาการของโรคช็อกโกแลตซีสต์
คนที่เป็นโรคช็อกโกแลตซีสต์จะมีอาการปวดท้องน้อยเรื้อรังเมื่อมีประจำเดือน และจะปวดมากขึ้นทุก ๆ เดือน โดยจะปวดด้านหน้า ตั้งแต่สะดือไปถึงอุ้งเชิงกราน ส่วนด้านหลังตั้งแต่บั้นเอวไปถึงก้นกบ อาจปวดจนเป็นลม มีอาการลำไส้แปรปรวน ท้องอืด ท้องเสีย ปวดมากเวลาขับถ่าย ปวดเสียดในท้อง ปวดหลัง ปวดร้าวลงขา ถ่ายอุจจาระเป็นเลือด ปัสสาวะเป็นเลือด ปัสสาวะบ่อย รวมทั้งมีอาการเจ็บปวดเมื่อมีเพศสัมพันธ์
นอกจากนี้ ผู้ที่เป็นช็อกโกแลตซีสต์จะมีบุตรยาก เพราะท่อนำไข่ตีบตัน สาเหตุมาจากมีพังผืดรั้งอยู่ ทำให้ท่อนำไข่ไม่สามารถทำงานได้ หากปรารถนาจะมีบุตรต้องรักษาช็อกโกแลตซีสต์ให้หายเสียก่อน
ช็อกโกแลตซีสต์ เกิดได้อย่างไร
ช็อกโกแลตซีสต์ (Chocolate Cyst) หรือ ถุงน้ำช็อกโกแลต ในทางการแพทย์เรียกว่า "เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญเติบโตผิดที่" (Endometriosis) เกิดจากเลือดประจำเดือนที่ปกติต้องไหลออกมาทางช่องคลอด แต่กลับไหลย้อนกลับเข้าไปในช่องท้องผ่านท่อรังไข่ และนำเซลล์ของเยื่อบุโพรงมดลูกเข้าไปด้วย เมื่อเซลล์นี้ไปฝังตัวอยู่ที่อวัยวะไหนก็จะเกิดถุงน้ำขึ้นที่อวัยวะนั้น เช่น อุ้งเชิงกราน ท่อรังไข่ ลำไส้ ช่องคลอด มดลูก ฯลฯ
บริเวณที่พบช็อกโกแล็ตซีสต์ได้บ่อยคือรังไข่ เนื่องจากบริเวณรังไข่เป็นบริเวณที่มีฮอร์โมนเอสโตรเจนสูง จึงเหมาะแก่การเจริญเติบโต แต่ถ้าเยื่อบุโพรงมดลูกแทรกเข้าไปในกล้ามเนื้อมดลูกจะไม่กลายเป็นซีสต์ ทว่าจะกลายเป็นพังผืดหรือก้อนในกล้ามเนื้อมดลูกแทน เพราะกล้ามเนื้อมดลูกค่อนข้างแข็ง และเราเรียกภาวะนี้ว่า "Adenomyosis" ซึ่งผลที่ตามมาคือภาวะปวดท้องประจำเดือนอย่างรุนแรง ประจำเดือนมามาก และมีบุตรยาก
ทั้งนี้ เมื่อเวลาที่ผู้หญิงมีประจำเดือน เยื่อบุโพรงมดลูกจะลอกตัวออกมา ถุงน้ำที่ฝังตัวอยู่ก็จะมีเลือดออกด้วย แต่เมื่อเลือดประจำเดือนออกหมดแล้วในเดือนนั้น ร่างกายก็จะดูดน้ำจากถุงกลับมา ทำให้เลือดในถุงเข้มข้นขึ้น หากเลือดค้างอยู่ในถุงน้ำนาน ๆ จะกลายเป็นสีน้ำตาล มีลักษณะเหมือนช็อกโกแลต จึงเรียกว่า "ถุงน้ำช็อกโกแลต" หรือ "ช็อกโกแลตซีสต์" นั่นเอง
นั่นหมายความว่า แต่ละเดือนที่ผ่านไป ถุงน้ำก็จะยิ่งมีเลือดออกเพิ่มขึ้น และขยายใหญ่ขึ้น แต่จะใหญ่เร็วมากน้อยแค่ไหนนั้น ก็ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของคนคนนั้นว่า จะดูดน้ำกลับได้เร็วเท่าไหร่ ถ้าร่างกายดูดน้ำกลับได้เร็ว ถุงน้ำนั้นก็จะโตขึ้นแบบช้า ๆ
ส่องอาการของโรคช็อกโกแลตซีสต์
คนที่เป็นโรคช็อกโกแลตซีสต์จะมีอาการปวดท้องน้อยเรื้อรังเมื่อมีประจำเดือน และจะปวดมากขึ้นทุก ๆ เดือน โดยจะปวดด้านหน้า ตั้งแต่สะดือไปถึงอุ้งเชิงกราน ส่วนด้านหลังตั้งแต่บั้นเอวไปถึงก้นกบ อาจปวดจนเป็นลม มีอาการลำไส้แปรปรวน ท้องอืด ท้องเสีย ปวดมากเวลาขับถ่าย ปวดเสียดในท้อง ปวดหลัง ปวดร้าวลงขา ถ่ายอุจจาระเป็นเลือด ปัสสาวะเป็นเลือด ปัสสาวะบ่อย รวมทั้งมีอาการเจ็บปวดเมื่อมีเพศสัมพันธ์
นอกจากนี้ ผู้ที่เป็นช็อกโกแลตซีสต์จะมีบุตรยาก เพราะท่อนำไข่ตีบตัน สาเหตุมาจากมีพังผืดรั้งอยู่ ทำให้ท่อนำไข่ไม่สามารถทำงานได้ หากปรารถนาจะมีบุตรต้องรักษาช็อกโกแลตซีสต์ให้หายเสียก่อน
สอบถามโทร 092-4140691 คุณท๊อป
092-4140651 คุณเจี๊ยบ
LINE ,ID : Topfy Fuco
Fanpage : www.facebook.com/topfy99shop
092-4140651 คุณเจี๊ยบ
LINE ,ID : Topfy Fuco
Fanpage : www.facebook.com/topfy99shop
- Review.....
- สอบถามโทร 092-4140691 คุณท๊อป
092-4140651 คุณเจี๊ยบ
LINE ,ID : Topfy Fuco
Fanpage : www.facebook.com/topfy99shop
HYLI ประกอบด้วยส่วนประกอบที่มีสรรพคุณที่จำเป็นต่อฮอร์โมนเพศหญิงอย่างมาก ซึ่งนำมารวมไว้ใน HYLI
อันได้มาจากนวัตกรรมใหม่ค้นพบโดยนักวิทยาศาตร์จากอเมริกา ที่ช่วยให้ส่วนผสมจากธรรมชาติทั้ง 13 ชนิด ดังนี้
อันได้มาจากนวัตกรรมใหม่ค้นพบโดยนักวิทยาศาตร์จากอเมริกา ที่ช่วยให้ส่วนผสมจากธรรมชาติทั้ง 13 ชนิด ดังนี้